ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นแก่นทอง จังหวัดขอนแก่น ความถี่ 144.750 MHz
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นแก่นทอง จังหวัดขอนแก่น ความถี่ 144.750 MHz
»
สถานที่ท่องเที่ยวและคลังแห่งการเรียนรู้ทางพุทธศาสนา
»
วัดป่าวังเลิง ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
»
หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า:
1
[
2
]
3
4
...
9
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม (อ่าน 29983 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #15 เมื่อ:
28 เมษายน 2012, 06:21:40 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #16 เมื่อ:
28 เมษายน 2012, 06:22:19 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #17 เมื่อ:
28 เมษายน 2012, 06:22:57 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #18 เมื่อ:
29 เมษายน 2012, 07:00:58 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #19 เมื่อ:
29 เมษายน 2012, 07:01:34 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #20 เมื่อ:
29 เมษายน 2012, 07:02:09 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #21 เมื่อ:
29 เมษายน 2012, 07:02:38 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #22 เมื่อ:
29 เมษายน 2012, 07:03:10 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #23 เมื่อ:
29 เมษายน 2012, 07:04:56 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #24 เมื่อ:
01 พฤษภาคม 2012, 12:36:37 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #25 เมื่อ:
01 พฤษภาคม 2012, 12:36:55 »
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #26 เมื่อ:
01 พฤษภาคม 2012, 12:39:47 »
หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร
( อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าวังเลิง )
ละสังขาร เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2535
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #27 เมื่อ:
01 พฤษภาคม 2012, 12:43:37 »
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร
อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าวังเลิง
บ้านหัวขัว ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
๏
ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร
มีนามเดิมว่า บุญมี สมภาค เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2453 ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ ณ บ้านขี้เหล็ก ตำบลรังแร้ง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เป็นบุตรโทนของนายทำมา และนางหนุก สมภาค ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่
เมื่อครั้งเยาว์วัย ท่านจะมีนิสัยรักความสงบและมีความใฝ่ใจในทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก จนมีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งในขณะที่ท่านเลี้ยงควายอยู่กลางทุ่งนาร่วมกับเด็กๆ ในหมู่บ้านเดียวกัน ท่านได้พบภาพพระพุทธรูปในแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งเข้า ก็เกิดความสนใจมากเป็นพิเศษ จึงได้เก็บกระดาษแผ่นนั้นซ่อนเอาไว้ พอมีเวลาว่างท่านก็จะเอามานั่งดูจนเกิดปีติ จึงเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นพระพุทธรูป โดยมีเพื่อนๆ เด็กเลี้ยงควายพากันนั่งดู และก็ปั้นบ่อยๆ ทั้งมีความสวยงามด้วย เมื่อมีพระพุทธรูปดินเหนียวปั้นมากขึ้น หลวงปู่จึงได้แจกและแบ่งปันให้เพื่อนๆ เอาไป ตอนนั้นหลวงปู่บอกว่ามีอายุประมาณ 8-9 ปีเห็นจะได้
พออายุได้ประมาณ 10-12 ปี ท่านก็ได้เริ่มเรียนหนังสือกับหลวงน้า ซึ่งบวชพระอยู่ที่วัดใกล้ๆ บ้าน ท่านช่วยโยมมารดาทำนาและช่วยงานบ้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานของเด็กผู้หญิงก็ตาม ท่านทำทุกอย่าง นับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถกว่าเด็กทั่วๆ ไป และที่สำคัญก็คือ มีนิสัยชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้านไม่ว่าเขาจะทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นงานหนักงานเบา ถ้าพอจะช่วยเหลือได้ท่านจะรีบช่วยทันที โดยไม่ต้องให้คนอื่นขอร้อง และชอบถามคำถามที่เกี่ยวกับธรรมะอยู่เสมอ เช่น เห็นคนตายก็จะถามว่า คนไม่ตายไม่ได้หรือ คนป่วยไม่ป่วยไม่ได้หรือ อย่างนั้นเป็นต้น
๏ ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา
หลังจากที่หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แล้ว ก็ไม่ได้เรียนต่อ ต้องออกมาช่วยเหลือโยมมารดาทำนาทำไร่ และงานบ้าน เลี้ยงควาย จนอายุได้ 17 ปี จึงได้มาบวชเป็นสามเณรอยู่กับหลวงน้า คือพระอาจารย์สิงห์ ผู้เป็นน้องชายของโยมมารดา โดยบวชในสังกัดฝ่ายมหานิกาย หรือที่เรียกว่า “วัดบ้าน” บวชได้ 1 พรรษา พอจวนจะเข้าพรรษาที่ 2 ซึ่งเหลือเวลาเพียง 1 เดือน โยมมารดาก็ขอร้องให้สึกออกมาช่วยเหลือทำงานบ้าน เพราะโยมมารดาสุขภาพไม่ดี ท่านจึงต้องลาสิกขาออกมาช่วยโยมมารดาทำงาน และได้สมัครทำงานเป็นคนขายหินทำทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-สุรินทร์
เมื่อหลวงปู่อายุย่าง 18-20 ปี โยมมารดาจะขอผู้หญิงให้ตั้งหลายครั้ง แต่ท่านก็ปฏิเสธทุกครั้งไม่ยอมมีครอบครัว เพราะดูคนทั้งหลายแล้วมีความทุกข์ วิตกกังวลแทบทั้งสิ้น ยากที่จะทำจิตของตนให้ผ่องแผ้วได้ ท่านระลึกอยู่ว่า บวชจึงจะมีสุขหนอ การมีชีวิตอยู่อย่างฆราวาสนี้มีแต่ทุกข์ วิตกกังวลไม่สิ้นสุด มีแต่ความรุ่มร้อนเหมือนฝุ่นละอองมาจากทิศต่างๆ มีเต็มอากาศไม่รู้ว่าจะหนีไปทิศใดได้ มีแต่จะคลุกเคล้าละอองพิษลงสู่ใจ ใจก็มีแต่ความเศร้าหมอง เพราะท่านเห็นโทษของกามคุณ ถ้าผู้ใดกำลังเสพกามารมณ์อยู่เสมือนบริโภคเหล็กเผาไฟแดงๆ อยู่
จิตของท่านจึงรำลึกน้อมไปถึงการอุปสมบท ท่านจึงเอาความดำริในใจนี้เล่าสู่โยมมารดาฟังว่าท่านอยากบวช โยมมารดาของท่านจึงได้อนุโมทนาและอนุญาตให้ออกบรรพชาอุปสมบทได้ ครั้นอายุได้ 21 ปี จึงขออนุญาตโยมมารดาบวชเป็นพระฝ่ายมหานิกาย โดยมีพระอาจารย์สิงห์ เป็นภาระรับไปดำเนินการให้ทุกอย่าง ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในเรื่องของการศึกษาธรรม ท่านจึงมีความปรารถนาที่จะเรียนด้านพระปริยัติธรรม แต่เนื่องจากการศึกษาธรรมะในสมัยนั้น วัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือวัดเลียบ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์ กนุตสีโล เคยพำนักมาก่อน
แต่เนื่องจากท่านเป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกาย จึงค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะวัดเลียบเป็นวัดธรรมยุต ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์สิงห์ (ไม่ใช่พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา) ซึ่งเป็นหลวงน้าของท่าน ได้รับภาระนำไปฝาก ท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก เจ้าอาวาสวัดเลียบ ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่าจะต้องญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต พอได้ฟังดังนั้นหลวงปู่ก็ดีใจเป็นอันมาก ในการบวชใหม่ครั้งนี้ มีท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระมหาสว่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า
“สิริธโร”
โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2474 เวลา 10.00 น. ณ วัดเลียบ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #28 เมื่อ:
01 พฤษภาคม 2012, 12:45:24 »
หลังจากที่ได้ญัตติเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุตแล้ว
ท่านก็ได้ตั้งใจเล่าเรียนข้อวัตรปฏิบัติ จนเป็นที่เล่าลือว่าท่านเก่งมาก เพียงเวลาไม่นานท่านก็สอบไล่นักธรรมชั้นตรี โท เอก ได้ตามลำดับ และในปี พ.ศ. 2478 ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดบูรพา อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พำนักอยู่สมัยปฏิบัติธรรมเริ่มแรก จากนั้นในปี พ.ศ. 2479 ก็ได้เดินทางเข้าไปศึกษาหาความรู้ในกรุงเทพมหานคร จำพรรษาที่วัดปทุมวนาราม เขตปทุมวัน อยู่ไม่นานก็สอบได้เปรียญ 3 ประโยค ท่านมีความแตกฉานในพระปริยัติธรรมมาก
หลังจากหลวงปู่อุปสมบทได้เพียง 2 พรรษา โยมมารดาก็ได้ถึงแก่กรรม ในระหว่างนั้นจิตก็วิตกกังวลไปต่างๆ ท่านได้พิจารณาเห็น “อนิจจัง” ต่อมาท่านอยากจะออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเดินทางกลับมายังภาคอีสาน แล้วก็ตั้งหน้าปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง
พ.ศ. 2490-2494 จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านห้วยทราย
(วัดป่าวิเวกวัฒนาราม) อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์ กนุตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต, หลวงปู่ขาว อนาลโย, หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร, หลวงปู่มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ฯลฯ เคยจำพรรษาพำนักปฏิบัติธรรมมาก่อน
พ.ศ. 2495-2500 จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านม่วง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. 2501-2503 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองบัว อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร
พ.ศ. 2504-2505 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านเหล่า อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
พ.ศ. 2506-2508 จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านท่าสำราญ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย
พ.ศ. 2509-2519 จำพรรษาอยู่ที่วัดในเขตจังหวัดเลยหลายวัด เช่น วัดถ้ำเต่า, วัดบ้านหมากแข้ง ฯลฯ
พ.ศ. 2520-2530 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าภูทอง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. 2531-2532 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าศรีโพธิ์ทอง อำเภอพนนไพร จังหวัดร้อยเอ็ด
พ.ศ. 2533 จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองเกาะ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์
พ.ศ. 2534-2535
จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
บันทึกการเข้า
ตามรอยพุทธ
Administrator
Hero Member
กระทู้: มากเกินบรรยาย
Re: หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
«
ตอบกลับ #29 เมื่อ:
01 พฤษภาคม 2012, 12:47:21 »
๏ ธรรมโอวาท
หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร
เป็นพระสุปฏิปันโนที่เผยแผ่ธรรมด้วยการปฏิบัติ อบรมสั่งสอนสานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและฆราวาส ด้วยการทำจริง ทำตาม ปฏิบัติตาม มากกว่าการอบรมบรรยายเทศน์หรือแสดงธรรม แต่ในวาระวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาหรือการได้รับอาราธนา หลวงปู่จะเมตตาแสดงธรรมเทศนาโปรดซึ่งมักใช้ภาษาอีสาน และมีผญาภาษิตของภูมิปัญญาท้องถิ่นมาเปรียบเทียบให้ญาติโยมได้แปลความตีความ วิเคราะห์พินิจพิจารณานัยแห่งความหมายธรรมะ ซึ่งใกล้ตัวและใกล้วิถีชีวิตชองการดำรงอยู่เป็นเนื้อแนวเดียวกันกับวัฒนธรรมการผลิตของชุมชน ดังที่จะได้ยกมาเป็นตัวอย่างพอสังเขปดังนี้ หลวงปู่บุญมีได้เทศนาอบรมในวันเข้าพรรษาครั้งหนึ่งว่า
การปฏิบัติเหมือนการทำนา มีคราดมีไถ มีการเก็บหญ้า กว่าสิได้หว่านข้าว หว่านแล้วกว่าสิงอก มันกะขึ้นของมันเอง บ่ได้บังคับนี่ฉันใด หัวใจของคนก็คือกัน สงบราบคาบแล้วมันกะสิเกิดเอง เกิดแล้วจังค่อยพิจารณามัน พิจารณาให้มันแตก คันบ่แตกกะให้คาโตเองไปศึกษาเอาเองบ่ได้ มันเกิดของมันเอง เมื่อมันเกิดเองเฮาต้องแก้เอง ให้ตัวเองแก้เอง ถ้าแก้ถือแล้ว มันกะบ่อมีที่ไป กะเป็นสุขคือความบ่เป็นหยังเป็นทุกข์ คือบ่เกิดทุกสิ่งทุกอย่างกะไปอยู่ความสุขเป็นอารมณ์ของวิปัสสนาคิดกะบ่แล้ว วิปัสสนาเป็นการขุดฮาก สมถะเป็นการชำระ ผู้หลงหรือฮู้กะอยู่โตเดียวกัน ฮู้เรื่องการปฏิบัติบ่แม่นฮู้ย่อนการศึกษา จั่งให้มีสติ ฮู้กะให้ฮู้ถึงใจฮู้ถึงตนถึงตัว การอบรมสติคันบ่ศึกษามันกะบ่แล้ว ต้องอบรมเจ้าของให้มันเป็นไปเอาเอง มันจั่งแล้ว
ถ้าเจ้าของแก้บ่ได้ผู้อื่นกะแก้บ่ตกคือกัน โอเฮาแก้โตเฮามันจั่งแก้ได้ แก้ให้มันถึงที่สุดมันกะสิแล้วนั้นแหละ มันเป็นปัจจัยตังทั้งหมด สันทิฏฐิโก เห็นด้วยตัวเอง ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิ วิปัสสนาสันทิฏฐิโก นอกจากความฮู้ ความเห็นเป็นบ่ได้ ทุกข์เกิดความอยาก อยากกะอยากดี อยู่ทางโลกมีแต่ควาทุกข์กับความอยากสองอย่างนี่มันได้รับกัน ศาสนากะอาศัยมรรค อาศัยทางโลก เข้าพรรษาอยู่ในไตรมาส 3 เดือน นับตั้งแต่มื้อนี้เป็นต้นไปึงกลางเดือนสิบเอ็ดบ่จำเป็นบ่ให้นอนบ่อนอื่น บ่ให้ไปแจ้งนอกวัด สังเกตเบิ่งวัดมีฮั้วล้อมเป็นเขต ถ้ามีความจำเป็นมีพ่อมีแม่เจ็บป่วย อนุญาตให้ไปดูแลรักษาได้การอื่นไปบ่ได้ไปกะไปด้วยสัตตาหะ ได้ 6 มื้อ มื้อที่ 7 ให้มาถึงวัด
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า:
1
[
2
]
3
4
...
9
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นแก่นทอง จังหวัดขอนแก่น ความถี่ 144.750 MHz
»
สถานที่ท่องเที่ยวและคลังแห่งการเรียนรู้ทางพุทธศาสนา
»
วัดป่าวังเลิง ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
»
หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
Tweet