ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นแก่นทอง จังหวัดขอนแก่น ความถี่ 144.750 MHz
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นแก่นทอง จังหวัดขอนแก่น ความถี่ 144.750 MHz
»
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
»
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
»
ชวนเที่ยว : เมืองโบราณมรดกแห่งสยามประเทศ
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: ชวนเที่ยว : เมืองโบราณมรดกแห่งสยามประเทศ (อ่าน 1383 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
E20ZSY- สระบุรี
Hero Member
กระทู้: 3312
AMATEUR RADIO ASSOCIATION OF SARABURI
ชวนเที่ยว : เมืองโบราณมรดกแห่งสยามประเทศ
«
เมื่อ:
21 เมษายน 2012, 22:17:04 »
ชวนเที่ยว :
เมืองโบราณมรดกแห่งสยามประเทศ
สังคมไทยได้สั่งสมมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน งานวิจิตรศิลป์แขนงต่างๆ ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านวันเวลาแห่งความรุ่งโรจน์และร่วงโรยตามกาลยุคสมัย สภาพสังคมสมัยใหม่ที่เปลี่ยนไปทำให้บางครั้งมรดกงานศิลป์ที่มีอายุเก่าแก่ ถูกมองว่าเป็นของโบร่ำโบราณ จนถูกทอดทิ้งหรือทำลายลง ด้วยความไม่รู้ ไม่ตระหนักในคุณค่า ดังนั้นเราจึงได้เห็นโบสถ์ วิหาร เรือนไม้ หลายต่อหลายแห่งถูกทำลายทิ้งแล้วสร้างขึ้นใหม่อย่างไร้รสนิยม
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นที่มาของเมืองโบราณ สถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นจากความมุ่งมั่นของ คุณเล็ก และคุณประไพ วิริยะพันธุ์ ด้วยความตั้งใจในการสืบสานมรดกที่บรรพบุรุษได้มอบไว้ให้แก่ชนรุ่นหลัง ดังคำกล่าวตอนหนึ่งของท่านที่ว่า “
เมืองโบราณ คือเมืองในอดีต...เหตุวันนี้ย่อมสืบเนื่องมาจากเมื่อวานนี้...เรื่องของอดีต คนปัจจุบันจำเป็นต้องรู้ หากเราไม่รู้จักอดีต ก็เหมือนเดินเรือในท้องทะเลโดยปราศจากเข็มทิศและหางเสือ
”
ภายในพื้นที่รูปคล้ายแผนที่ประเทศไทยของเมืองโบราณ เป็นที่ตั้งของปราสาทราชวัง วัดวาอาราม และงานประติมากรรมต่างๆ ท่ามกลางสภาพภูมิทัศน์อันร่มรื่นสิ่งก่อสร้างบางแห่งเป็นการก่อสร้างขึ้นใหม่ บางแห่งทางเมืองโบราณได้ทำการผาติกรรมมาจากสถานที่จริง ก่อนนำมาบูรณะให้งดงามดังเช่นในอดีต
สถานที่แรกที่แวะมาเยือน
คือตลาดโบราณ ที่จำลองบรรยากาศของชุมชนในอดีตที่มีตลาดเป็นจุดพบปะของผู้คนในสังคม ตลาดแห่งนี้ผู้สร้างได้แรงบันดาลใจมาจากถนนสายเก่าในจังหวัดตาก และกำแพงเพชร บนถนนอิฐสายเล็กๆ ของตลาดโบราณร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ สองข้างทางเรียงรายไปด้วยเรือนไม้เก่าแก่ที่แต่ละหลังเป็นตัวแทนของ โรงมหรสพ และร้านรวงต่างๆ
และเมื่อผมปั่นจักรยานเข้ามายังพื้นที่ใจกลางเมืองโบราณ จะได้พบกับอาคารที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของที่นี่ คือพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท พระที่นั่งสำคัญในสมัยอยุธยาที่ถูกเผาเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ปัจจุบันพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทที่อยุธยาเหลือเพียงซากฐานขององค์พระที่นั่ง ทางเมืองโบราณได้อาศัยการค้นคว้าจากหลักฐานต่างๆ ทั้งจดหมายเหตุ พระราชพงศาวดาร ภาพเขียน ฯลฯ เพื่อสืบค้นลักษณะทางสถาปัตยกรรม และศิลปกรรม ก่อนจะก่อสร้างพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทขึ้นมาใหม่อย่างงดงาม องค์พระที่นั่งฐานโค้งดูอ่อนช้อย ยอดปราสาทสูงชะลูด หลังคาประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และบราลี ที่ล้วนหุ้มด้วยดีบุกสีเทาเงินผนังภายในประดับประดาด้วยลวดลายปูนปั้นปิดทองเหลืองอร่าม
สถานที่สำคัญอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลกัน คือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งแม้ว่าพระที่นั่งองค์จริงจะยังคงอยู่ภายในพระบรมมหาราชวังที่กรุงเทพฯ แต่สิ่งที่เมืองโบราณได้กระทำคือพยายามสืบค้นหลักฐานต่างๆ เพื่อสร้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทั้งโครงสร้าง ลวดลายประดับ และสีสัน ที่พยายามอ้างอิงงานศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นหลัก
การที่พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตั้งเด่นสง่าเคียงคู่กันกลางเมืองโบราณ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงสุดยอดของงานสถาปัตยกรรมไทยในสองยุค ยังแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของงานสถาปัตยกรรมที่สืบทอดจากสมัยอยุธยา จนเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์
ภายในเมืองโบราณ มีการแบ่งพื้นที่จัดแสดงตามภูมิภาค เช่นในเขตภาคเหนือจะได้พบกับ วิหารวัดภูมินทร์ วิหารจตุรมุขแห่งเมืองน่าน ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงสภาพสังคมและวิถีชีวิตของดินแดนล้านนาในกาลก่อน ถัดไปอีกไม่ไกลคือ วัดจองคำ อาคารที่ทางเมืองโบราณได้ทำการผาติกรรมมาจาก อำเภองาว จังหวัดลำปาง อาคารของวัดจองคำแห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่ที่สร้างจากไม้สักทั้งหลัง ส่วนของวิหาร ศาลา กุฏิ มีการเชื่อมต่อเป็นอาคารเดียวกันอันเป็นรูปแบบที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน
เที่ยงวัน ตลาดน้ำแห่งเมืองโบราณดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ตลาดน้ำแห่งนี้เป็นการจำลองวิถีชีวิตของชาวสยามในสมัยก่อนที่ใช้แม่น้ำลำคลองเป็นเส้นทางสัญจรหลัก จนเกิดเป็นชุมชนริมฝั่งน้ำที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ดังจะเห็นได้จากการมีทั้งศาลเจ้าจีน โบสถ์คริสต์ มัสยิด และวัดไทยอยู่เคียงข้างกันภายในชุมชน
จากตลาดน้ำ ผมปั่นจักรยานมุ่งหน้าสู่พื้นที่ทางภาคอีสาน และสถานที่ที่เป็นหัวใจในแถบนี้คงหนีไม่พ้น เขาพระวิหาร ดินแดนที่ปัจจุบันยังเป็นข้อพิพาทกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเมืองโบราณได้จำลองลักษณะของเขาพระวิหารที่สร้างไล่ระดับจากเชิงเขาขึ้นไปสุดยังปลายหน้าผาตัด ระหว่างทางประกอบด้วยองค์ปราสาทเรียงรายอยู่ถึง 4 ระดับ และแม้ทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหารจะย่อส่วนจากของจริง แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความมุมานะและแรงศรัทธาของคนโบราณ ในการสร้างเหล่าเทวาลัยเรียงรายตามทางลาดชันสู่ยอดเขาเบื้องบนอันเป็นตัวแทนของสวรรค์ชั้นฟ้า ที่เหล่าทวยเทพของศาสนาฮินดูสิงสถิตอยู่ การเดินเท้าขึ้นชมปราสาทพระวิหารเรียกเหงื่อได้ไม่น้อย แต่ก็คุ้มกับการได้ชมสถาปัตยกรรมขอมที่ทางเมืองโบราณได้จำลองขึ้นมาอย่างสวยงาม และบนยอดเขาพระวิหาร ยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นยอดปราสาท ยอดวิหารต่างๆ ภายในเมืองโบราณได้เป็นอย่างดี
นอกจากการจำลองรูปแบบสถานที่สำคัญในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยแล้ว ยังมีสถานที่ที่ทำการก่อสร้างขึ้นมาจากหลักฐานในอดีตที่มีอยู่เพียงน้อยนิด แต่เมื่อทำการปะติดปะต่อเรื่องราว และผูกโยงลักษณะทางศิลปะในยุคสมัยเดียวกัน จึงเกิดเป็น หอพระแก้ว หอไม้ทรงแปดเหลี่ยมที่ได้ต้นแบบมาจากรูปสลักตู้พระธรรมในสมัยอยุธยา รวมถึงหลักฐานที่มีการบันทึกไว้โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาในสมัยอยุธยา
และเมื่อพูดถึงความเชื่อและแรงศรัทธาแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นเมืองที่คนส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา แต่ก็มีการผสมผสานความเชื่อของศาสนาฮินดูมาอย่างยาวนาน เทพเจ้าหลายองค์ของฮินดูยังคงได้รับการเคารพกราบไหว้จากคนไทย รวมถึงปรากฏทั้งในงานวรรณกรรม จิตรกรรม และพิธีกรรมต่างๆ ดังนั้นทางเมืองโบราณจึงได้สร้างอุทยานเทวโลกเพื่อประดิษฐานรูปหล่อสัมฤทธิ์ของเทพเจ้าในศาสนาฮินดูภายใต้ภูมิทัศน์อันร่มรื่นของไม้ใหญ่และสายน้ำ รูปหล่อสัมฤทธิ์ภายในเทวโลกประกอบด้วย พระอิศวร ผู้ทรงเป็นใหญ่แห่งเทพทั้งปวง พระพรหม เทพเจ้าผู้สร้างโลก พระนารายณ์ที่กำลังบรรทมสินธุ์บนหลังพญาอนันตนาคราช และรูปหล่อที่ผมเองอยากยกให้เป็นที่สุดของการจัดวางองค์ประกอบคงต้องยกให้แก่รูปหล่อพระจันทร์ทรงม้าทั้ง 10 ตัว ที่กำลังโจนทะยานอยู่บนสายน้ำตก เป็นภาพตรึงตาที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง
แวะเวียนไปตามสถานที่ต่างๆ ภายในเมืองโบราณจนเข้าเวลาบ่ายแก่ แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนแรงลง แม้ผมจะใช้จักรยานเป็นตัวช่วยในการเดินทางไปตามจุดหมายต่างๆ แต่เพียงหนึ่งวันดูจะไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับจำนวนสถานที่ต่างๆ ภายในเมืองโบราณ นั่นคงเป็นสาเหตุที่ผมแวะเวียนมาเมืองโบราณหลายต่อหลายครั้งโดยไม่รู้เบื่อ
การได้มาเยือนที่นี่สำหรับผม มิใช่การได้มาเดินเล่นในที่สวยๆเท่านั้น แต่สิ่งที่ซึมซับกลับไปคือความเข้าใจในรากเหง้าและที่มาของสังคมไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถยืดหยัดอย่างมั่นคงในสังคมปัจจุบัน ที่อยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงอันเชี่ยวกราก ดังคำกล่าวที่ว่า “
เมืองโบราณเป็นภาพของสังคมสยามในอดีต เพื่อเป็นกระจกเงาสำหรับอนาคตของมนุษยชาติ
”
การเดินทาง
: เมืองโบราณตั้งอยู่
บนถนนสุขุมวิท บริเวณกม.ที่ 33 จากสามแยกสมุทรปราการ มุ่งหน้าบางปู
ก่อนถึงบางปูเล็กน้อยจะเห็นทางเข้าเมืองโบราณอยู่ซ้ายมือ มีรถสองแถวผ่าน
บันทึกการเข้า
"การลงมือทำ ดีกว่าคำพูดที่สวยหรู" 145.150 / 145.4125 ..พระพุทธบาทสูงค่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฐานผลิตอุตสาหกรรม เกษตรนำล้ำแหล่งเที่ยว หนึ่งเดียวกระหรีปัี๊บ นมดี ประเพณีดอกไม้งาม เหลืองอร่ามทุ่งทานตะวัน ลือลั่นเมืองชุมทาง..
kaentong
Administrator
Hero Member
กระทู้: 443400
Re: ชวนเที่ยว : เมืองโบราณมรดกแห่งสยามประเทศ
«
ตอบกลับ #1 เมื่อ:
22 เมษายน 2012, 00:46:33 »
ขอขอบคุณครับ ภาพสวยครับ อยากไปจริงๆ
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นแก่นทอง จังหวัดขอนแก่น ความถี่ 144.750 MHz
»
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
»
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
»
ชวนเที่ยว : เมืองโบราณมรดกแห่งสยามประเทศ
Tweet