หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป วัดป่าคำแคนเหนือ ตำบลคำแคน อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น

[ตามรอยพุทธ]

หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป
วัดป่าคำแคนเหนือ ตำบลคำแคน อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น
เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๕

ขอกราบอาราธนา
ให้องค์หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป
มีธาตุขันธ์แข็งแรง มีอายุยืนยาวนาน
เป็นร่มโพธิ์ของลูกหลานตราบนานเท่านาน
และลูกกราบขมาหลวงปู่ด้วยครับ

[ตามรอยพุทธ]

[ตามรอยพุทธ]

หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป วัดป่าคำแคนเหนือ ตำบลคำแคน อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ปี 58

วีดีโอ
หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป
วัดป่าคำแคนเหนือ
บ้านคำแคน ตำบลคำแคน
อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557

[ตามรอยพุทธ]

หลวงปู่โส กัสสโป
วัดป่าคำแคนเหนือ ตำบลคำแคน อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น

ประวัติหลวงปู่โส กัสสโป

วัดป่าคำแคนเหนือหรือวัดป่าคีรีวัน เป็นสถานที่อันสงบสงัดเหมาะแก่การบำเพ็ญธรรม ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาที่แวดล้อมด้วยหุบเขาและป่าทึบอันเป็นภูมิประเทศที่ชวนให้ตื่นตาตื่นใจไปกับธรรมชาติอันงดงาม ณ วัดแห่งนี้มีภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งจำพรรษาอยู่บนภูเม็ง อันเป็นภูเขาลูกเดียวกับที่หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตโต พระอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดป่าอุดมคงคาคีรีเขต อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น จำพรรษาอยู่ท่านคือ "หลวงปู่โส กัสสโป" พระกัมมัฎฐานผู้ที่ดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายสมถะเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง แผ่นบารมีคุ้มครองมวลสรรพสัตว์ทั่วขุนเขา จนชาวบ้านละแวกใกล้เคียงต่างขนานนามท่านว่า "เทพเจ้าแห่งขุนเขา"

[ตามรอยพุทธ]

หลวงปู่โส กัสสโป ท่านเป็นสหธรรมิกผู้ที่ร่วมธุดงค์กับหลวงปู่ผางบ่อยครั้งที่สุด เพราะท่านทั้งสองสามารถส่งจิตถึงกันได้ขณะเข้าสมาธิแม้อยู่คนละฟากเขา จะธุดงค์ไปที่ไหนต้องชวนกันไปตลอดไม่ว่าจะทิศเหนือ-อีสาน-ตะวันออก-ตะวันตก ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติธรรมเคร่งและเจริญรอยตามพระกัมมัฎฐานชื่อดังในอดีตนั่นคือพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แม่ทัพธรรมภาคอีสาน แต่เหตุที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักกว้างขวางและยังไม่มีใครเดินทางไปกราบนมัสการท่านมากนักเนื่องจากเส้นทางไปวัดของท่านลำบากและไกลมาก ฉะนั้นใครๆ จึงเดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่ผาง (สมัยที่ยังมีมีชีวิตอยู่) ที่วัดป่าดุดมคงคาคีรีเขต กันเป็นส่วนมาก จนกระทั่งสิ้นหลวงปู่ผาง หลายคนจึงเดินทางไปกราบหลวงปู่โสแทน

หลวงปู่โส กัสสโป ปัจจุบันท่านอายุ 82 ปี พรรษาที่ 62 (ตามประวัติมีชาวบ้านหลายคนกล่าวว่า หลวงปู่โสบวชก่อนหลวงปู่ผางหลายปี) นามเดิมชื่อ "โส" นามกสุล "ดีเลิศ" โยมบิดาชื่อ "เคน" โยมมารดาชื่อ "ค้ำ" ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2458 ที่บ้านก่อ ต.หนองนกไข่ อ.ม่วงลามสิบ จ.อุบลราชธานี มีพี่น้อง 9 คน ท่านเป็นคนที่ 6 สมัยเป็นเด็กชอบเก็บตัวโตเป็นหนุ่มก็ไม่เที่ยวเตร่ไม่ชอบสิ่งบันเทิง โยมพ่อโยมแม่จึงให้บวชเรียน อายุ 19 ปีท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านก่อ โดยมีหลวงพ่ออ่อน สิริจันโท เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นหนึ่งปีก็เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยพระอุปัชฌาย์องเดิมคือหลวงพ่ออ่อน และพระอาจารย์สีทน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สุน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า "กัสสโป"

[ตามรอยพุทธ]

บวชเรียนแล้วได้ย้ายมาอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นวัดใหญ่ของพระสายปฏิบัติ ศิษย์สายพระอาจารย์มั่นทุกท่านต้องเคยมาศึกษากัมมัฎฐาน ณ วัดแห่งนี้ โดยเปลี่ยนญัตติจากมหานิกายเป็นธรรมยุด จนสอบได้นักธรรมโทและเอกตามลำดับ จากนั้นได้ออกตระเวนศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมกับครูบาอาจารย์ต่างๆ หลายสถานที่ ซึ่งเป็นระดับพระคณาจารย์สายปฏิบัติทั้งสิ้น อาทิ พระมหาสีทน, หลวงปู่อ่อน, พระอาจารย์มหาบัว, หลวงปู่บุญมา ซึ่งแม้ท่านจะไม่เคยพบกับแม่ทัพธรรมใหญ่อย่างหลวงปู่มั่น แต่ก็ได้ไปร่วมงานศพมา
ท่านเคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย ต.หมากหญ้า อ.เมือง จ.อุดรธานี แต่ท่านไม่ชอบอยู่กับที่จึงขอลาออกจากตำแหน่งทางคณะสงฆ์ และออกธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกตามป่าเขาลำเนาไพร
หลวงปู่โสเป็นพระสงฆ์นักสู้ที่แท้จริง ท่านชอบธุดงค์ไปตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อพิสูจน์ให้เห็นความจริงกับตัวท่านเอง ที่ไหนที่ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ป่าแห่งนั้นเฮี้ยน ถ้ำที่นั่นผีดุ ท่านจะธุดงค์ไปปักกลดพิสูจน์ทันที
ในชีวิตการธุดงค์ของท่านร่วมกับหลวงปู่ผาง ได้ผจญกับงูเห่าตัวเขื่องเลื้อยเข้ามายังกลดที่ท่านกำลังนั่งสมาธิอยู่ มันชูคอแผ่แม่เบี้ยเพื่อเตรียมฉก แต่ด้วยจิตที่มั่นคงและเต็มไปด้วยเมตตาธรรมได้แผ่เข้าไปสะกดงูเห่าตัวนั้น ให้หันกลับเลื้อยฝ่าความมืดออกไป

[ตามรอยพุทธ]

อีกครั้งหนึ่ง ท่านจะเข้าไปดับไฟในกองฟืนที่ชาวบ้านก่อไว้ งูจงอางยักษ์ตัวหนึ่งนอนขดตัวอยู่ ทีแรกท่านนึกว่าเป็นดุ้นฟืนและยื่นมือจะไปจับ มันจึงเคลื่อนไหวชูหัวขึ้นอย่างน่ากลัว แต่ไม่ฉกกัดท่านทั้งๆ ที่งูชนิดนี้ไม่เคยปรานีใครมาก่อน แสดงว่าบารมีธรรมของท่านแรงกล้ามาก
หลวงปู่โสท่านเน้นนั่งสมาธิเจริญวิปัสสนากัมมัฎฐาน ด้วยการเจริญภาวนาคำว่า "พุทโธ" และพิจารณาข้ดธรรมในมหาสติปัฎฐาน 4 และอนุสติ 10 จนปรากฎสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นภายในร่างกาย นั่นคือพบว่าตนเองมีร่างกายสูงใหญ่ นอกจากนั้นจิตที่ถูกอบรมจนเกิดสมาธิอย่างสูง ทำให้เกิดแสงไฟพวยพุ่งขึ้นท่วมตัวของท่าน แต่ไม่มีความซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่ง
แม้แต่พระอาจารย์ของท่านคือพระอาจารย์มหาสีทน ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าตัวท่านลอยขึ้นสูงจนถึงเพดานโบสถ์มาแล้ว อันเกิดจากการฝึกจิตจนเป็นสมาธิขั้นสูง

[ตามรอยพุทธ]

ช่วงที่ท่านลงจากเขาภูเม็งแดนอาถรรพณ์ที่มากด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิดเพื่อมาสร้างวัดป่าคำแคนเหนือ โขลงช้างป่ามักลงมาทำลายพืชไร่ในสวนของชาวบ้าน เพียงท่านบอกว่าต่อไปช้างนี้จะไม่มาทำลายอีก ก็ปรากฎว่าเป็นจริงตามที่ท่านพูดเพราะช้างป่าได้เงียบหายไป จนชาวบ้านกล่าวขานกันว่าท่านสามารถสยบพวกมันได้  ในวันหนึ่งๆ ท่านจะพาพระเณรพัฒนาวัดเป็นประจำจนวัดป่าคำแคนเหนือกลายเป็นวัดที่ร่มรื่นเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก
หลวงปู่โสท่านเป็นพระที่ไม่ค่อยพูดมาก ท่านพูดน้อยสำรวมศีลาจารวัตรงดงาม บางคนเข้าใจว่าท่านดุ แต่เมื่อได้มีโอกาสสนทนากับท่านจะสามารถเข้าถึงความรู้สึกปลื้มปิติที่ได้กราบพระแท้ ซึ่งได้ถือว่าเป็นบุญกุศลอันสูงส่งแห่งชีวิต

[ตามรอยพุทธ]

วันที่ 24 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา พระครูสุทธิพรหมคุณ(หลวงพ่อสุทธิพงศ์  ชนุตตโม) รักษาการเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดป่าวังเลิง ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ได้เดินทางไปกราบคารวะหลวงปู่พระมหาโส  กัสสโป วัดป่าคำแคนเหนือ อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น

ที่มา : www.watpa.com

[ตามรอยพุทธ]

[ตามรอยพุทธ]

[ตามรอยพุทธ]

[ตามรอยพุทธ]

[ตามรอยพุทธ]

[ตามรอยพุทธ]